1
น้ำตกคลองถ้ำเต่า อยู่ที่จังหวัดสระบุรีครับ สำหรับรายละเอียดการเดินป่า เที่ยวพักในทริปนี้ จะขออธิบายคร่าวๆละกันนะครับ สำหรับทริปนี้ถูกชักชวนโดยเพื่อนที่ไปเดินเจอกันที่น้ำตกโกรกอีดกครับ พอดีเป็นวันเกิดเขา เลยไปฉลองในป่า (คิดได้ไงเนี่ย) แต่เป็นเช่นนั้นครับถูกชักชวนรวมถึงอยากเข้าป่า และไปเก็บภาพเหล่านี้ให้ครบเอามาเขียนเป็นรีวิวให้สมาชิกได้อ่าน
การเดินทางรับฟังมาครั้งแรกคือ เดินเหมือนไปน้ำตกโกรกอีดกครับ แต่น้ำตกคลองถ้ำเต่าจะเดินง่ายกว่า และใช้ระยะเวลาน้อยกว่าเพราะระยะทางสั้นกว่าครับ น้องนก ที่เป็นเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเดินง่ายครับพี่ พี่มีเวลาถ่ายรูปเยอะเลย
สำหรับคนที่อยากออกทริปแบบนี้แนะนำให้ติดต่อที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่น้ำตกเจ็ดคต ครับจะมีเจ้าหน้าที่แนะนำครับ หากท่านต้องการเจ้าหน้าที่นำทางจะมีค่าใช้จ่ายนิดหน่อยครับไม่ได้แพงครับ แนะนำว่าควรมีครับผม สำหรับบรรยากาศการเดินเข้าน้ำตกคลองถ้ำเต่า ผมเก็บภาพมาฝากแล้วนะครับ ดูรายละเอียดและรูปเพิ่มเติมด้านล่างนี้เลยครับ
ก่อนออกตัวที่จุดเริ่ม เลยขอถ่ายรวมสักหน่อยโดยให้น้องที่มาส่งช่วยดำเนินการให้ครับ สมาชิกทริปนี้มีเพียงเท่านี้ครับ การที่เราเดินกันไม่เยอะก็มีข้อดีอยู่หลายๆอย่างเลยนะครับ อีกอย่างมีเจ้าหน้าที่ไปด้วยก็อุ่นใจได้เยอะเลยครับผม
กระเป๋าของพี่เจ้าหน้าที่ครับ แอบเก็บภาพมาครับผม ก่อนออกเดินทางก็ฝากของไปกับพี่เขาอีกนิดหน่อย เราจะได้ตัวเบา (เขาเรียกว่าแอบเนียน) สำหรับทริปนี้ผมไป 2 วัน 1 คืนครับพัก 1 คืนกลางป่าที่น้ำตกคลองถ้ำเต่าเลยครับ ผูกเปลนอนติดกับน้ำตก นอนฟังเสียงน้ำตกตลอดคืน
ที่นี่เห็นว่ามีเรื่องเล่ามากมาย สำหรับน้ำตกแห่งนี้ แต่จะเรื่องเล่าแบบไหนลองหากันดูครับ สำหรับผมส่วนตัวแล้วเราก็รับฟังกันมาครับ
เจ้าหน้าที่ดีเด่นสำหรับ ผมและกลุ่มผมตอนนี้เลยครับ น้องนก เพราะว่ามา 3 ทริปที่นี่ เดินป่าทั้ง 3 ทริปก็มีน้องเขานี่แหละครับ เป็นคนนำ อย่างที่บอกครับมีเจ้าหน้าที่นำ ไม่ต้องกลัวหลงครับอุ่นใจไปอีกแบบนะครับ และที่ดีเด่นอีกอย่าง น้องนกทำกับข้าวเก่งมากครับ เป็นพ่อครัวอยู่กับน้องไม่ต้องกลัวอดตายครับ
จากทริปที่แล้วผมไป น้ำตกเขาแคบมาครับ ได้สอบถามพี่บัวลอย และน้องนก ที่เป็นเจ้าหน้าที่เรื่องปืน "ต้องเอาปืนมาด้วยเลยหรอครับ อันตรายขนาดนั้นเลยไหม" ได้คำตอบราวกับว่า ที่นำมาเพื่อป้องกันและระวังภัยให้กับนักท่องเที่ยวครับ เพราะเราไม่รู้แน่ชัดว่าจะเจออะไร สัตว์ป่า พรานป่า หรือคนที่เข้ามาบุกรุกป่า หรืออื่นๆที่ช่วยป้องกันอันตรายได้หากเกิดเหตุภัยขึ้น
พอเดินเข้ามาจากทางเข้าสักพัก ก็จะเจอศาลครับ ตรงจุดนี้เราไม่อธิบายอะไรกันมากครับ การเข้าป่าครั้งนี้ส่วนตัวแล้วผมไม่คิดทำร้ายสัตว์ป่าหรือเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต เราเข้ามาก็เพื่อศึกษาธรรมชาติ ชมธรรมชาติ และแลกเปลี่ยนความคิด ความรู้กันในกลุ่ม ผมจึงมักเชื่อว่าสิ่งศักดิ์ ก็จะคุ้มครองเราเอง
ตลอดระยะทาง การเดินเข้าน้ำตกคลองถ้ำเต่า จะเป็นการเดินริมลำธาร ไปจนถึงตัวน้ำตกด้านบนครับ ดังนั้นเท้าของเราจะเปียกอยู่ตลอดเวลา เหยียบก้อนหินเล็กใหญ่ไปตามเรื่องตามราว อาจจะมีล้มบ้างนิดๆหน่อย ก็ระบมกันไปครับ
ตลอดสองข้างทาง นอกเสียจากต้องเดินไปกับทางที่ลื่น ก้อนหินมากมายแล้ว ผมยังพบความลำบากของการเดินทางเข้าไปยังน้ำตก ในช่วงต้นทางไปจนถึงน้ำตกชั้นที่ 1 ครับคือท่อส่งน้ำของชาวบ้าน ที่มาต่อน้ำจากรำธารไปยังไร่ สวนของตัวเอง เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากพบเจอในธรรมชาติเลยครับ แต่บางอย่างผมก็พอเข้าใจนะครับ
ส่วนตัวแล้วหากเรามองว่าผิดไหม ส่วนตัวผมคิดว่าสิ่งที่ทำเช่นนี้มีความผิดแน่นอนครับ สำหรับผมอยากให้ทางลูกบ้านหรือผู้ที่ใช้น้ำส่วนนี้ ปรับปรุงสักนิด เพื่อการปรับตัวเข้าร่วมกับธรรมชาติที่ถูกต้อง มากกว่าผลประโยชน์โดยไม่สนใจใยดีในธรรมชาติเลย
ลองดูจากภาพครับ ความสวยงามที่ควรมี ไดหายไปจากเส้นลำธารในช่วงแรกนี้เลยครับ และผมจะบอกว่าตลอดเส้นทางเดินเลยครับ ผมอยากให้ช่วยปรับปรุงในการซ่อน ไม่ให้มันโจ่งแจ้งเช่นนี้ครับ ในเมื่อเราต้องการน้ำเพื่ออะไรก็แล้วแต่ เราก็ควรจะทำให้มันดีกว่าการลากท่อไปมาโดยไม่สนใจ สภาพแวดล้อมว่ามันน่ามองหรือไม่
ท่านจะเปลี่ยนเส้นทางเดินท่อ ให้หลบเข้าไปข้างในป่า หากจากทางเดินเข้าออก สัก 4-5 เมตร ก็จะทำให้คนที่เดินเข้าออกมองไม่เห็นท่อเหล่านี้แล้ว และเส้นไหนใช้ไม่ใช้ เต็มไปหมดน่าจะเป็นท่อขนาดใหญ่เพียงท่อเดียวแล้วไปจัดการกันอีกทีที่ปลายท่อในการแบ่งเส้นย่อยออกไป ทางผมและทีมงาน และเชื่อว่าเพื่อนๆทุกๆคนที่ได้ไป หวังกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ครับ
ลักษณะป่าที่นี่ เท่าที่สอบถามมาคือ ดิบแล้ง ครับคือพอถึงหน้าแล้งก็จะไม่มีน้ำครับ สำหรับที่นี่ผมจึงแนะนำให้มาหน้าฝนครับ รอช่วงที่มีน้ำจะสวยมากครับ การเดินเข้าไปสองข้างทางก็มีต้นไม้ขึ้นอยู่เยอะเช่นกันครับ ที่น้ำตกนี้ จะมีทางเดินตลอดทาง เพราะเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านเข้ามาตลอด ผมจะเห็นสองข้างทางมีต้นไผ่โดนตัด เพื่อเอาไปทำตอก มากมายเลยครับ
รูปนี้เจอต้นมะละกอ ชนิดหนึ่งใบมันแปลกมากครับไม่เคยเห็น น้องทีมงานเลยวิ่งไปขอถ่ายรูปมา 1 รูปลองดูครับใบใหญ่มากและ รูปร่างใบไม่เหมือนมะละกอแถวบ้านเลยครับ
เดินไปพอประมาณในแต่ละจุด เหนื่อยก็หยุดพัก ทานอาหาร สำหรับท่านที่จะมาหากออกในตอนเช้าหรือสาย ก็แนะนำให้ทานอาหารเช้ามา รวมถึงซื้อไก่ย่างข้าวเหนียวสักคนละชุด พกมาไว้ทานกลางทางสำหรับอาหารกลางวันครับ พักครั้งนึงก็หยุดถ่ายรูปมาฝากครั้งนึงครับ
สำหรับทริปนี้ รูปที่ผมถ่ายมาอาจจะน้อยไปหน่อยครับ หลายๆรูปจะออกแนวใกล้เคียงกับน้ำตกที่ผมไปมาก่อนหน้านี้คือ น้ำตกโกรกอีดก น้ำตกเขาแคบ ครับก็เลยไม่ได้เก็บรูปมามากมาย ครับแต่ก็จะมีรูปน้ำตกสวยๆหลายจุดเลยครับ ลองดูรูปกันต่อนะครับ ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะกล่าวครับ
รูปนี้เดินผ่านเลยหยุดแว๊บนึงถ่ายรูปมาครับ หยุดแว๊บนึงจริงๆครับ เลยได้มามุมเดียวครับ ถือว่าโชคดีที่รูปยังไม่เบลอ และได้ภาพตามที่ผมต้องการครับเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ล้มลงมาขวางลำธารครับ ไม่แน่ใจว่าที่นี่เขาจะเรียกว่าคลองกันหรือป่าว แต่ส่วนตัวผมขอเรียกลำธารละกันครับ
ความชุ่มชื้น ตลอดสองข้างทาง ฝนที่ตกอยู่บ่อยๆในช่วงหน้าฝนนี้ น้ำกำลังมีเลยครับ ธรรมชาติกำลังสวยงามครับ สองข้างทางเราก็จะเห็นต้นมอสที่ขึ้นตามท่อนไม้ ก้อนหิน หรือดินทางเดินบางจุดครับ สีเขียวๆสวยงามธรรมชาติมักสร้างสิ่งเหล้านี้มาให้เราได้เชยชม แต่เรามักไม่เห็นคุณค่าของธรรมชาติ
ตามโขดหิน ที่ไหนมีดินเพียงน้อยนิดก็จะมีต้นหญ้าขึ้นตามซอกหิน เป็นสีเขียวขึ้นตัดกับหินและน้ำที่ไหลผ่าน
ตลอดสองข้างทางเดินเข้าน้ำตกคลองถ้ำเต่า จะมีเห็ดแชมเปญ เห็ดถ้วย เห็ดขน ขึ้นอยู่ตลอดทาง ที่นี่มีเยอะกว่าที่เจ็ดคตในตอนนี้ครับ อาจจะเพราะปีนี้ฝนมาช้าครับ ทำให้เห็ดออกน้อยครับแต่ที่นี่เห็ดเยอะในวันที่ผมไปนะครับ ถ้าท่านจะไปถ่ายเห็ดหละก็แนะนำที่น้ำตกเจ็ดคตแหละครับ สำหรับที่นี่อาจจะต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนครับ
ผมเก็บภาพมาได้ไม่เยอะครับเพราะส่วนใหญ่เห็ดจะถ่ายตอนกลับครับ แต่ละท่านก็เหมือนเร่งรีบกลับบ้านครับ เพราะอาการเหนื่อยล้า เดินกันแทบจะไม่รอกันเลยครับ ผมได้เห็ดมาไม่กี่รูปแต่ก็ถือว่าโอเคครับ อ๋อนอกจากเห็ดพวกนี้เห็ดที่เราจะพบกันบ่อยๆครั้งก็จะเป็นเห็ดตระกูลหลินจือ มีเยอะเต็มไปหมดครับ ผมยังไม่มีเวลาลงรูปเห็ดจำแนกสายพันธุ์ในเว็บเลย สำหรับคนที่ติดตามก็ต้องขออภัยด้วยครับ ขอรวบรวมอีกสักพักละกันครับ
เห็ด อีกอย่างที่เรามักพบเจอบ่อยๆ ในป่าทุกๆที่มักจะเจอเห็ดครับ แต่เจ้าเห็ดชุดนี้ผมไม่รู้จักว่ามันคือเห็ดอะไรแต่ดอกเล็กๆแปลกตาไปอีกอย่างครับ น้องทีมงานช่วยถือขึ้นไปยังน้ำตกที่เราพัก แต่เสียดายผมดันทำหายเสียได้ ขากลับก็เลยแวะถ่ายเจ้าเห็ดชนิดนี้อีกครั้งที่จุดที่เราเจอครับ
น้ำตกแห่งนี้ก็มีเห็ดถ้วยขน ด้วยนะครับสีส้มสวยงามเชียวครับ
เดินมาได้สักพัก ผมจับเวลาโดยประมาณได้อยู่ 2 ชั่วโมงครับอาจจะเนื่องด้วยผมเดินไปถ่ายรูปไป เลยทำให้เดินช้าลงไปหน่อยครับแต่ก็ยังอยู่ตามแพลนที่ทีมงานเราวางไว้ครับ จากรูปนี้ต้นทางของน้ำ คือปลายทางที่เราจะไปครับ ดูดีๆที่อยู่ไกลๆนั้นคือน้ำตกคลองถ้ำเต่านี่แหละครับ อันนี้จะเป็นชั้นบนครับ หากท่านหาข้อมูลน้ำตกคลองถ้ำเต่าในเว็บต่างๆก็จะเห็นที่เขาไปโรยตัวกัน ผมดูแล้วก็แถวๆตำแหน่งนี้แหละครับแต่สำหรับทริปผมไม่มีโรยตัวนะครับ ไม่ได้เตรียมตัวมาโรยครับ
และแล้วเราก็มาถึงสักที ดูจากรูปแล้วเหมือนน้ำตกนี้จะเล็ก แต่ความเป็นจริงแล้วยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเลยครับ สวยครับสวยจริงๆ รูปนี้มีละอองน้ำมาติดหน้าเลนส์ครับเลยทำให้ไม่ชัดสักเท่าไหร่ พยามหารูปที่ไม่มีละอองน้ำแล้วครับแต่ไม่มีจริงๆสำหรับมุมนี้ การเดินป่าถ่ายรูป ทำให้ผมได้รู้อะไรๆอีกหลายๆอย่างมันคือความรู้ที่บอกใครใครก็ไม่เชื่อต้องเจอกับตัวเองครับ
การแบกกล้องเข้าป่า เราต้องเตรียมตัวอย่างไรให้แบกง่าย กล้องปลอดภัย ไม่หนักเกินไปทุกๆทริปที่ไปคือปัญหาที่เราจะเจออะไรใหม่ๆให้แก้ไขปัญหาในครั้งต่อไปครับ
ถ่ายด้านหน้าเสร็จก็หันหลังกลับมาถ่ายด้านหลังเรามั่ง คือเส้นทางที่เราเดินมาครับ
รูปนี้เช่นเดียวกันครับผมขึ้นไปที่น้ำตก ขึ้นไปอีกระดับนึงแล้วหันหลังกลับลงมาถ่าย กะว่าจะได้มุมแปลกๆรอบๆตัวให้เพื่อนๆชมครับ
ตัวน้ำตก แบ่งออกเป็นสองฝั่งที่น้ำไหลลงมาครับ ฝั่งขวาจะเป็นน้ำตกใหญ่ตกลงมา สวยงามตามรูปไฮไลท์ครับ สำหรับฝั่งซ้ายก็สวยไม่แพ้กันครับ เหมือนน้ำตกที่เขาแคบเลยครับ มุมนี้แต่ต่างกันที่ความสูงและความยิ่งใหญ่ ที่น้ำตกเขาแคบ ยิ่งใหญ่กว่าครับสำหรับมุมนี้ ตรงนี้น้ำไม่ลึกครับน้องๆก็ลงไปยืนเก๊กถ่ายมาครับ แต่ผมไม่เอารูปนั้นลง (ไว้ให้เขาเอาไปโพสเองละกัน)
ก้อนหินขนาดใหญ่ มีมอสขึ้นสวยมากครับอดใจไม่ไหวเลยเก็บรูปมาฝากครับ เหมือนกับเราเข้าป่าใน "อวตาร" เลยครับ
นี่คือจุดไฮไลท์สำหรับผม ในทริปน้ำตกคลองถ้ำเต่านี่ครับ สวยใช่ไหม ลักษณะในวันที่ผมมาก็จะมีต้นไม้ที่หักและตกลงมารับกระแสน้ำที่ตกลงมาครับ เห็นแบบนี้หละสูงน่าดูเลยนะครับ กล้องกับเลนส์ผมเก็บภาพมาไม่หมดเลยครับ หลายๆจุดถ่ายไม่ได้ครับเนื่องจากละอองน้ำฟุ้ง ผมก็เกรงใจกล้องและเลนส์ของผมครับ
หลังจากถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อย ณ จุดนี้เราก็เดินขึ้นต่อไปยังตัวน้ำตกข้างบน หากถามว่าขึ้นไปทำไมเราก็ไปหาที่พักกันในคืนนี้ครับ สำหรับจุดนี้สำหรับผมถือเป็นจุดที่ทำให้เหงื่อออกเยอะสุดเลยครับไหลติ๋งๆเลยครับ ทางขึ้นค่อนข้างจะชันมากครับ และอีกปัญหาคือฝนตกในคืนก่อนที่ผมมา ทำให้ที่นี่ลื่นมากครับ ทางชันและลื่น ผมต้องแบกขาตั้งกล้องและกล้องอีกตัว และกระเป๋าใบโตๆมุดๆขึ้นไป
ระยะทางจุดนี้ เจ้าหน้าที่ว่าอีก 200 เมตรเอง ซึ่งเป็น 200 เมตรที่โหดเหมือนกันครับเพราะต้องมุดตามกอไผ่ ที่ชันและลื่น ที่ว่ามุดก็ไม่ใช่สะทีเดียวผมแทบหมอบคลานขึ้นเลยครับเพราะต้องก้มหลบกิ่งไผ่ จากรูปนี้เจ้าของวันเกิดของทริปก็ปีนๆขึ้นเขามา ดูท่าทางก็พอรู้เลยว่าชันแค่ไหน
มาถึงจุดด้านบนที่เราจะหาที่พักกันแล้วครับ เล่นสะเหนื่อยเลยครับเลยถ่ายรูปลงไปเสียหน่อย
รูปนี้ขอทางพี่เจ้าของวันเกิดมาครับ เขาลงไปอาบน้ำด้านล่างอีก 1 ชั้นคือลงไปอีกนิดนึง สวยเช่นเดียวกันครับเสียดายผมไม่ได้ลงไป ที่ไม่ลงเพราะเห็นว่ามันค่อนข้างจะลื่นครับ (ป๊อด) เลยไม่มีรูปมุมนี้ไว้คราวหน้าถ้าไปอีกจะเอารูปจุดนี้มาเติมให้นะครับ
ด้านบนของน้ำตก ก็จะมีลำธารและ น้ำตกอีกครับ อันนี้ผมถามจากน้องนก เจ้าหน้าที่มาครับว่าเดินไปอีกก็มีน้ำตกครับแต่จะเดินยากครับ ผมเลยไม่ไปอิอิ เพราะจุดหมายของเราทริปนี้คือน้ำตกจุดนี้ไว้โอกาสหน้าค่อยหาทางไปกันใหม่ครับ เก็บรูปลำธารด้านบนก่อนที่น้ำจะไหลลงเป็นน้ำตก มาให้ชมครับ
นอนไหนก็นอนนั้น เรานอนเปลกันครับ เป็นทริปแรกที่เรากางเปลนอนกันเอง กับน้องที่ผมพาไปครับกางอยู่นานมากกว่าจะเสร็จส่วนพี่ๆเจ้าหน้าที่ ทำอาหารกางเปลกันเสร็จเรียบร้อยตั้งนานและ เราก็ทำตาปริบๆนึกในใจ "มาช่วยผมหน่อย 555" แต่เราก็กางกันเสร็จเรียบร้อยครับ
ไก่และปลา ที่เอามาย่าง เราตัดกิ่งไผ่สดๆมาเสียบแล้วหมุนๆ เป็นไก่หมุนปลาหมุนครับ แต่ต้องบอกก่อนนะครับ ไก่กับปลา ผมซื้อมาจากตลาดนะครับ สำหรับส่วนตัวผมแล้วไม่แนะนำให้จับสัตว์ป่ามากินครับ เพราะเรามาเที่ยวในบ้านของเขาเราไม่ควรเบียดเบียนเขาครับ ผมมันพวกรักสัตว์รักป่า ถ้าคุณเที่ยวป่า แล้วยังทิ้งขยะในป่า จับสัตว์ป่ามากินผมก็มองว่าคุณไม่ใช่คนที่รักป่าตัวจริง
เพราะหากสิ่งที่เราจับมากินหมดไป ที่แห่งนี้ก็จะไม่ใช่ป่าอีกต่อไปครับ เพียงแค่เราซื้อไก่ ปลา จากตลาดมาย่างความอร่อยก็ไม่แพ้กันหรอกครับแถมเราไม่เบียดเบียนสังคมของป่าอีกด้วยครับ เราก็จะยังได้ยินเสียงนกร้องในตอนเช้า ได้ยินเสียงไก่ป่าขันปลุก ปลาที่แหวกว่ายในลำธาร กระรอกที่วิ่งไปมาบนต้นไม้
ถ้าวันนี้เราทำลายมันวันหน้าเราจะไม่มีแม้แต่ป่าที่เรียกว่าป่าครับ
บรรยกาศแบบนี้แหละครับ ที่ผมหลงไหลยิ่งนัก หาซื้อที่ไหนไม่ได้
ผมนอนริมหน้าผาเลยครับ เพราะที่อื่นดูแล้วไม่ค่อยเหมาะครับ ตรงนี้แหละตื่นมามองเห็นสายหมอก "เอาเข้าจริงตื่นสายครับ ไม่เห็นหมอก" ตรงนี้น่าจะเป็นที่เขามาโรยตัวกันด้วยมั้งครับสูงใช้ได้เลยผมลองมองลงไปแล้ว
เนื่องจากเมื่อคืนฝนตกทั้งคืนเลยครับตั้งแต่ 4 ทุ่มได้เลยนอนกันไวหน่อยครับกำลังนั่งคุย แลกเปลี่ยนความคิดกันกับพี่ๆเจ้าหน้าที่อย่างสนุกสนานเลยครับ ฝนดันมาไล่ให้ไปนอนเสียก่อนคับแหมน่าเสียดายจริงๆครับ ตอนเช้ามาผมก็ได้ประสบการณ์ใหม่มาครับคือ ฝนตกน้ำไหลเข้าเปลครับ ที่จริงเรื่องนี้ผมศึกษามาแล้วก่อนเข้ามาป่าครับ ทำตามวิธีแก้ที่อ่านตามเว็บแล้ว แต่ช่วยได้แต่ก็ไม่เยอะครับ
อย่างที่ผมบอกว่าหลายๆอย่างต้องมาเจอเอง เลยสอบถามเจ้าหน้าที่ในตอนเช้าเราก็ได้บทเรียนดีๆ เพิ่มมาสำหรับแก้ปัญหานี้แก้อย่างไรเอาไว้ผมจะเรียบเรียงเขียนเป็นทบความให้สมาชิกเดินป่ามือใหม่ได้อ่านกันนะครับ สำหรับคนที่เดินกันเป็นประจำน่าจะมีวิธีแก้ไขกันเรียบร้อยแล้ว
สุดท้ายของทริป สำหรับท่านที่สนใจจะไป ให้ติดต่อที่เจ้าหน้าที่ ที่ทำการน้ำตกเจ็ดคต ครับเพื่อหาเจ้าหน้าที่นำทางครับ ค่าบริการสำหรับเจ้าหน้าที่นำทางก็ 1 คน 500 บาทต่อวันครับ สำหรับส่วนนี้ผมไม่มั่นใจว่าจะต้องมีน้ำหน้าที่ 2 คนหรือป่าวสำหรับการเดินเข้าครับ แต่อย่างไรแล้วก็เพื่อความปลอดภัยของสมาชิกในทริปครับ
เบอร์ติดต่อสำหรับเจ้าหน้าที่นำทาง
โทรติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่โดยตรง หากสมาชิกที่ต้องการติดต่อสอบถาม อย่างไรรบกวนติดต่อในเวลาทำการนะครับ
- 095-6324-449 (พี่บัวลอย)
คำแนะนำสำหรับคนเดินป่ามือใหม่
สำหรับกลุ่มที่เขาโรยตัวกันผมไม่มั่นใจว่าจะมีเจ้าหน้าที่ด้วยหรือไม่นะครับ ตรงนั้นเลยขอไม่อธิบายครับแล้วแต่การติดต่อกับทางเจ้าของทริปเอานะครับ ก่อนจากกันแถมรูปสายยางกลางป่าให้อีก 2 รูปเหมือนกับพวกผมไปเจอ เอเลี่ยน กลางป่ามาเลยครับ